มีใครหลายคนแนะนำให้คุณซื้อหัวน้ำยาแบบไม่ต้องเติมน้ำยา เพราะมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่า แต่เนื่องด้วยคุณยังไม่มีข้อมูลมากพอในการตัดสินใจเลือกซื้อ เราจะพาไปดูข้อดี – ข้อเสียของหัวพอตประเภทนี้ให้มากยิ่งขึ้นว่ามีอะไรบ้าง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
หัวน้ำยาแบบไม่เติมน้ำยามีข้อดียังไง
สำหรับข้อดีของหัวน้ำยาแบบไม่เติมน้ำยา บอกเลยว่ามีเยอะมากแต่จะมีอะไรบ้างไปดู
1. ไม่ต้องเสียเวลาเติมน้ำยาเอง
หัวพอตถูกใส่น้ำยามาเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเวลาจะใช้งานก็คือแค่นำไปเสียบกับพอตไฟฟ้าก็พร้อมสูบทันที
2. สามารถรองรับได้หลายแบรนด์
หัวพอตแบบเติมน้ำยาไม่ได้ส่วนใหญ่มักถูกออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นสามารถเลือกใช้กับแบรนด์หรือรุ่นไหน ๆ ในท้องตลาดก็ได้ เช่น INFY สามารถใช้ได้ทั้งของ INFY เองและ RELX, Phantom, JUES และอื่น ๆ เรียกได้ว่ายืดหยุ่นสุด ๆ
3. ไม่มีปัญหาน้ำยารั่วซึม
พอตโดยทั่วไปถูกออกแบบมาให้มีระบบป้องกันการรั่วซึมอยู่ในหัวอยู่แล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะสูบแบบไหนหรือพกพายังไงก็ไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้น
4. ถอดเปลี่ยนได้ง่ายมาก ๆ
วิธีเปลี่ยนหัวเมื่อหัวเดิมน้ำยาหมด สามารถทำได้ง่าย ๆ แค่ถอดหัวเก่าออกและใส่หัวใหม่เข้าไปเท่านั้น
5. ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนคอยล์
หัวแบบไม่เติมน้ำยาส่วนใหญ่มาแบบสำเร็จรูป มีทั้งการติดตั้งน้ำยาและใส่คอยล์ไว้ที่หัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ว่าจะใช้คอยล์ขนาดเท่าไหร่, ใช้คอยล์ประเภทไหนและไม่ต้องกลัวว่าจะมีปัญหากวนใจ
6. เมื่อใช้น้ำยาหมด สามารถทิ้งได้เลยทันที
ไม่ต้องมัวมากังวลว่าน้ำยาต้องอยู่ในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะต้องเติมน้ำยาเพิ่ม
ข้อเสียที่สามารถพบเห็นได้
สำหรับข้อเสียของหัวน้ำยาประเภทไม่ต้องเติมน้ำยาหลัก ๆ มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ข้อ ได้แก่
- ไม่สามารถเติมน้ำยาเองได้ นั่นหมายความว่าคุณต้องใช้น้ำยากลิ่นเดิม รสชาติเดิมไปตลอดจนกว่าน้ำยาจะหมด
- ค่อนข้างสิ้นเปลืองงบประมาณ อายุการใช้งานส่วนใหญ่ค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับหัวแบบเติมน้ำยา
- ราคาค่อนข้างแพงในระยะยาว หากพบว่าน้ำยาหมดนอกจากจะเติมน้ำยาไม่ได้แล้วสิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่ถอดหัวเดิมออกและซื้อหัวใหม่เข้ามา ถึงแม้โดยทั่วไปราคาจะไม่แพงเริ่มต้นแค่หลักสิบ แต่ลองคิดดูว่าต้องซื้อต่อเนื่องในระยะยาวยังไงราคาก็ค่อนข้างสูงอยู่ดี
สรุปได้ว่าหัวน้ำยาแบบไม่เติมน้ำยานั้นตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการความง่าย, สะดวกสบายมากกว่าอายุการใช้งานและความยืดหยุ่นในการเลือกกลิ่นหรือรสชาตินั่นเอง